หว้า
ชื่อไทย หว้า
ชื่ออื่น ๆ มะห้า ห้าขี้แพะ ห้า
ชื่อสามัญ Black Plum , Jambolan , Satin ash , Java Plum
ชื่อวิทยาศาสตร์ Syzygium cumini (L.) Skeels
วงศ์ MYRTACEAE
นิเวศวิทยา ถิ่นกำเนิด เอเชียเขตร้อน อินเดีย พม่า มาเลเซียและไทย ประเทศไทยพบได้ทั่วไป โดยเฉพาะตามพื้นที่ชุ่มน้ำ ดินอุดมสมบูรณ์หรือพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำ ลำธาร หนอง คลอง บึง
การขยายพันธุ์ เมล็ด
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง 15 - 25 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดรูปไข่ หรือรูปทรงกลม ลำต้นเปลาตรง จะแตกกิ่งก้านที่ความสูง 2 - 4 เมตร โคนต้นเป็นพูพอนเล็กน้อย กิ่งก้านสาขาจะแผ่ออกมาทางด้านข้าง ทรงพุ่มหนาทึบ เนื้อไม้แข็ง
เปลือก สีน้ำตาลอมเทาถึงเทาคล้ำ ค่อนข้างเรียบมีรอยแตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ทั่วไป
ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงกันข้าม รูปรีหรือรูปไข่กลับขอบใบเรียบปลายใบมนแหลม โคนใบมน ผิวใบเป็นมันเรียบ เส้นใบแตกแขนงออกจากเส้นกลางใบค่อนข้างเป็นระเบียบและระยะห่างใกล้เคียงกัน มีต่อมน้ำมันกระจายอยู่ทั่วไป กว้าง 5 - 7 เซนติเมตร ยาว 14 - 16 เซนติเมตร ก้านใบยาว 1.0 - 1.5 เซนติเมตร ใบปลายกิ่งจะเป็นคู่
ดอก สีขาว ขนาดเล็ก ออกเป็นช่อตามซอกใบระหว่างโคนก้านใบกับกิ่ง และปลายกิ่ง ช่อดอกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนง มีช่อย่อยแบบช่อซี่ร่ม กลีบเลี้ยงรูปถ้วยปลายแผ่แยกออกเป็น 4 กลีบ ยาว 0.3 - 0.4 เซนติเมตร กลีบดอก 4 กลีบ ดอกตูมจะมีเยื่อบาง ๆ หุ้ม และหลุดออกเมื่อดอกบาน ดอกบานเต็มที่กว้าง 1.0 - 1.5 เซนติเมตร มีเกสรเพศผู้จำนวนมาก ช่อดอกเมื่อบานมีลักษณะคล้ายร่ม มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกดอกในเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์
ผล ผลสดมีเนื้อ รูปทรงกระบอก หรือรูปขอบขนาน กว้าง 1.0 - 1.5 เซนติเมตร ยาว 1.5 – 2.0 เซนติเมตร ผลอ่อนสีเขียวผิวเรียบเป็นมัน ผลแก่สีแดงและเปลี่ยนเป็นสีม่วงเกือบดำเมื่อสุก เนื้อในมีสีม่วงเข้ม รสหวานอมเปรี้ยวและฝาดเล็กน้อย ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด
เมล็ด ขนาดเล็กกว่าผลเล็กน้อย รูปทรงกระบอกหรือขอบขนานสีเหลืองอมน้ำตาลเปลือกแข็ง
ประโยชน์ เนื้อไม้ใช้ทำสิ่งปลูกสร้าง เครื่องเรือน และเครื่องมือการเกษตร เปลือกแก้โรคบิด ท้องร่วง ล้างแผล ใบตำแก้ปากคอเปื่อย ลิ้นและคอเป็นเม็ด น้ำลายเหนียว ผลสุกรับประทานได้ มีรสหวานอมเปรี้ยวและฝาด ปัจจุบันมีผู้นำผลสุกของหว้าไปแปรรูปเป็นน้ำผลไม้และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไวท์ เมล็ดใช้ถอนพิษจากเมล็ดแสลงใจ (โกฐกะกลิ้ง)
หว้าเป็นพรรณไม้ที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติในตอนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่าเมื่อพระเจ้าสุทโทธนะ เสด็จไปทรงประกอบพิธีแรกนาขวัญได้นำเจ้าชายสิทธัตถะไปด้วย และให้ประทับอยู่ที่ใต้ต้นหว้าใหญ่ บรรดาพระพี่เลี้ยงต่างก็ไปดูพิธีแรกนาขวัญกันหมด พระกุมารจึงนั่งสมาธิกรรมฐาน มีเหตุที่น่าอัศจรรย์แม้ว่าตะวันจะคล้อยบ่ายแล้ว แต่ร่มเงาของต้นหว้าก็ยังไม่ขยับเขยื้อนเปลี่ยนทิศทาง คงปิดบังให้ความร่มเย็นแก่พระองค์ โดยปรากฏเป็นปริมณฑลอยู่ประดุจเงาของตะวันตอนเที่ยงตรง
เนื่องจากหว้าเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่เจริญเติบโตรวดเร็ว และขึ้นได้ดีในดินเกือบทุกสภาพ จึงไม่ควรนำไปปลูกภายในบริเวณบ้านที่มีพื้นที่เล็กน้อยหรือไม่ควรปลูกให้ใกล้ชิดกับบ้านมากเกินไป เหมาะที่จะปลูกกลางสนาม หรือพื้นที่กลางแจ้งที่มีเนื้อที่มาก ๆ หรือปลูกริมถนนทางเดิน สวนสาธารณะเพื่อใช้ประโยชน์จากร่มเงาได้เต็มที่ หว้าเป็นไม้ที่ออกลูกติดผลได้ง่ายและดก เหมาะที่จะปลูกเป็นสวนป่า เพื่อเป็นอาหารของนกและสัตว์นานาชนิด
รวบรวมเรียบเรียงและถ่ายภาพโดย รองศาสตราจารย์ ชนะ วันหนุน