ชื่อไทย บัวสวรรค์
ชื่ออื่น ๆ บัวฝรั่ง , กัสตาเวีย
ชื่อสามัญ Gustavia , Gutzlaffia
ชื่อวิทยาศาสตร์ Gustavia gracillima Miers
วงศ์ LECYTHIDACEAE
นิเวศวิทยา ถิ่นกำเนิดตะวันออกกลาง โคลัมเบีย และอัฟริกา
การขยายพันธุ์ เมล็ด
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ต้นขนาดเล็กหรือไม้พุ่มขนาดใหญ่ สูง 2 - 5 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดรูปไข่หรือทรงกลม ทรงพุ่มแน่นทึบ มักจะแตกกิ่งก้านบริเวณลำต้นที่อยู่ใกล้พื้นดิน จนบางครั้งดูเหมือนว่าลำต้นแตกเป็นกอ
เปลือก สีน้ำตาลเข้มหรือน้ำตาลอมเทา ตามลำต้นจะมีตุ่มปมขนาดต่าง ๆปรากฏอยู่ทั่วไปรอบลำต้น ผิวลำต้นหยาบขรุขระ
ใบ ใบเดี่ยว ออกสลับจะปรากฏถี่บริเวณปลายกิ่ง รูปใบหอก ปลายใบเรียวแหลมโคนใบสอบแคบเป็นครีบ ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อยแต่ไม่สม่ำเสมอ ใบกว้าง 10 - 14 เซนติเมตร ยาว 30 - 45 เซนติเมตร ก้านใบสั้นมากจนแทบไม่ปรากฏให้เห็น ใบอ่อนสีน้ำตาลอมแดง ใบแก่สีเขียวเข้มเป็นมัน
ดอก สีชมพู ดอกเดี่ยว ออกรวมกันเป็นกระจุกตามซอกใบหรือตามกิ่งใกล้ๆ ปลายกิ่งลักษณะดอกคล้ายดอกบัวหลวง กลีบดอก 8 - 9 กลีบ กลีบห่อซ้อนกันเป็นชั้นเหมือนดอกบัว กลีบดอกชั้นนอกป้อมค่อนข้างกลม กลีบดอกชั้นในมีขนาดเล็กกว่า ปลายกว้างโคนกลีบสอบแคบ กว้าง 1.5 – 2.0 เซนติเมตร ยาว 2.5 - 3.5 เซนติเมตร มีเกสรเพศผู้สีเหลืองจำนวนมาก เรียงเป็นวงกลมล้อมรอบเกสรเพศเมียอยู่กลางดอก เมื่อบานเต็มที่กว้าง 5 - 10 เซนติเมตร มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ดอกจะบานเพียง 1 - 2 วัน แล้วร่วงหล่น
ผล มีเนื้อ กลมคล้ายลูกข่าง ปลายผลตัดแบน ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่สีน้ำตาลอมเขียว ผิวขรุขระไม่เรียบ ผล กว้าง 3.5-5.0 เซนติเมตร ยาว 3-4 เซนติเมตร ภายในผลมีเนื้อสีเหลืองและมีเมล็ด 3 เมล็ด
เมล็ด สีดำผิวเกลี้ยงเป็นมัน รูปไข่เบี้ยว ที่ขั้วผลมีเนื้อสีเหลืองติดอยู่ กว้าง 1.2-1.5 เซนติเมตร ยาว 1.7-2.0 เซนติเมตร
ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ
รวบรวมเรียบเรียงและถ่ายภาพโดย รองศาสตราจารย์ ชนะ วันหนุน
ชื่ออื่น ๆ บัวฝรั่ง , กัสตาเวีย
ชื่อสามัญ Gustavia , Gutzlaffia
ชื่อวิทยาศาสตร์ Gustavia gracillima Miers
วงศ์ LECYTHIDACEAE
นิเวศวิทยา ถิ่นกำเนิดตะวันออกกลาง โคลัมเบีย และอัฟริกา
การขยายพันธุ์ เมล็ด
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ต้นขนาดเล็กหรือไม้พุ่มขนาดใหญ่ สูง 2 - 5 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดรูปไข่หรือทรงกลม ทรงพุ่มแน่นทึบ มักจะแตกกิ่งก้านบริเวณลำต้นที่อยู่ใกล้พื้นดิน จนบางครั้งดูเหมือนว่าลำต้นแตกเป็นกอ
เปลือก สีน้ำตาลเข้มหรือน้ำตาลอมเทา ตามลำต้นจะมีตุ่มปมขนาดต่าง ๆปรากฏอยู่ทั่วไปรอบลำต้น ผิวลำต้นหยาบขรุขระ
ใบ ใบเดี่ยว ออกสลับจะปรากฏถี่บริเวณปลายกิ่ง รูปใบหอก ปลายใบเรียวแหลมโคนใบสอบแคบเป็นครีบ ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อยแต่ไม่สม่ำเสมอ ใบกว้าง 10 - 14 เซนติเมตร ยาว 30 - 45 เซนติเมตร ก้านใบสั้นมากจนแทบไม่ปรากฏให้เห็น ใบอ่อนสีน้ำตาลอมแดง ใบแก่สีเขียวเข้มเป็นมัน
ดอก สีชมพู ดอกเดี่ยว ออกรวมกันเป็นกระจุกตามซอกใบหรือตามกิ่งใกล้ๆ ปลายกิ่งลักษณะดอกคล้ายดอกบัวหลวง กลีบดอก 8 - 9 กลีบ กลีบห่อซ้อนกันเป็นชั้นเหมือนดอกบัว กลีบดอกชั้นนอกป้อมค่อนข้างกลม กลีบดอกชั้นในมีขนาดเล็กกว่า ปลายกว้างโคนกลีบสอบแคบ กว้าง 1.5 – 2.0 เซนติเมตร ยาว 2.5 - 3.5 เซนติเมตร มีเกสรเพศผู้สีเหลืองจำนวนมาก เรียงเป็นวงกลมล้อมรอบเกสรเพศเมียอยู่กลางดอก เมื่อบานเต็มที่กว้าง 5 - 10 เซนติเมตร มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ดอกจะบานเพียง 1 - 2 วัน แล้วร่วงหล่น
ผล มีเนื้อ กลมคล้ายลูกข่าง ปลายผลตัดแบน ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่สีน้ำตาลอมเขียว ผิวขรุขระไม่เรียบ ผล กว้าง 3.5-5.0 เซนติเมตร ยาว 3-4 เซนติเมตร ภายในผลมีเนื้อสีเหลืองและมีเมล็ด 3 เมล็ด
เมล็ด สีดำผิวเกลี้ยงเป็นมัน รูปไข่เบี้ยว ที่ขั้วผลมีเนื้อสีเหลืองติดอยู่ กว้าง 1.2-1.5 เซนติเมตร ยาว 1.7-2.0 เซนติเมตร
ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ
รวบรวมเรียบเรียงและถ่ายภาพโดย รองศาสตราจารย์ ชนะ วันหนุน
