จำปี
ชื่อไทย จำปี
ชื่ออื่น ๆ -
ชื่อสามัญ White champaka , White champak
ชื่อวิทยาศาสตร์ Michelia alba DC.
วงศ์ MAGNOLIACEAE
นิเวศวิทยา ถิ่นกำเนิดประเทศจีนตอนใต้ และมาเลเซีย ประเทศไทยพบได้ทั่วไปในพื้นที่ราบ และป่าดิบชื้นในทุกภาค
การขยายพันธุ์ เมล็ด และการตอนกิ่ง
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 10 - 12 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดรูปทรงเจดีย์ หรือรูปสามเหลี่ยม ทรงพุ่มค่อนข้างทึบ แตกกิ่งต่ำ ไม่ค่อยติดผล ไม่ทนต่อสภาพน้ำท่วมขัง
เปลือก เรียบสีขาวอมเทา
ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปใบหอกหรือรูปไข่หรือรูปขอบขนาน กว้าง 5-10 เซนติเมตร ยาว 15-27 เซนติเมตร ปลายใบสอบเรียวแหลม โคนใบสอบแคบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบเกลี้ยงเรียบ หลังใบสีเขียวเข้ม ท้องใบสีเขียวอ่อน มีขนนุ่มสั้น ๆ ก้านใบยาว 2 - 3 เซนติเมตร
ดอก สีขาวหรือสีขาวนวล ดอกเดี่ยว มีกลิ่นหอม ออกตามซอกใบที่ปลายกิ่ง และ ใกล้ ๆ ปลายกิ่ง ดอกตูมรูปทรงกระบอกหรือรูปกระสวย ปลายแหลม กว้าง 0.8 - 1.2 เซนติเมตร ยาว 3.5 - 4.5 เซนติเมตร ก้านดอกยาว 1 - 1.5 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อนห่อหุ้ม จะหลุดร่วงเมื่อดอกบาน กลีบดอกมี 12 กลีบ ซ้อนกัน 3 ชั้น ๆ ละ 4 กลีบ กลีบดอกรูปรีหรือรูปขอบขนาน ปลายเรียวแหลม กว้าง 0.6 - 0.8 เซนติเมตร ยาว 4.0 - 4.5 เซนติเมตร มีเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียจำนวนมากอยู่บนฐานเดียวกัน ดอกบานเต็มที่กว้าง 5 - 7 เซนติเมตร
ผล ผลเป็นผลกลุ่ม จำนวน 7 - 11 ผล รูปทรงกลมหรือรูปไข่ บิดเบี้ยวเล็กน้อย กว้าง 2.0 - 2.5 เซนติเมตร ยาว 2.0 - 2.8 เซนติเมตร ผลอ่อนสีเขียวอ่อน ผลแก่สีแดง มีจุดขาวประเล็กๆปะปนอยู่ทั่วไป ผลแก่เมื่อแห้ง แตกออกตามแนวยาว
เมล็ด สีดำ เปลือกแข็งเป็นมัน มีเยื่อสีแดงหุ้มอยู่ กว้าง 0.5 - 0.8 เซนติเมตร หนึ่งผลมี 1 - 4 เมล็ด
ประโยชน์ ใบต้มกับน้ำรับประทานแก้ไอและต่อมน้ำลายอักเสบ หลอดลมอักเสบ ต่อมลูกหมากอักเสบ ขับระดูขาว ดอกรักษาอาการหลังแท้งบุตร บำรุงหัวใจ บำรุงน้ำดี และบำรุงโลหิต เนื้อไม้ใช้ทำเครื่องเรือนและฟืน
รวบรวมเรียบเรียงและถ่ายภาพโดย รองศาสตราจารย์ ชนะ วันหนุน
ชื่ออื่น ๆ -
ชื่อสามัญ White champaka , White champak
ชื่อวิทยาศาสตร์ Michelia alba DC.
วงศ์ MAGNOLIACEAE
นิเวศวิทยา ถิ่นกำเนิดประเทศจีนตอนใต้ และมาเลเซีย ประเทศไทยพบได้ทั่วไปในพื้นที่ราบ และป่าดิบชื้นในทุกภาค
การขยายพันธุ์ เมล็ด และการตอนกิ่ง
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 10 - 12 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดรูปทรงเจดีย์ หรือรูปสามเหลี่ยม ทรงพุ่มค่อนข้างทึบ แตกกิ่งต่ำ ไม่ค่อยติดผล ไม่ทนต่อสภาพน้ำท่วมขัง
เปลือก เรียบสีขาวอมเทา
ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปใบหอกหรือรูปไข่หรือรูปขอบขนาน กว้าง 5-10 เซนติเมตร ยาว 15-27 เซนติเมตร ปลายใบสอบเรียวแหลม โคนใบสอบแคบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบเกลี้ยงเรียบ หลังใบสีเขียวเข้ม ท้องใบสีเขียวอ่อน มีขนนุ่มสั้น ๆ ก้านใบยาว 2 - 3 เซนติเมตร
ดอก สีขาวหรือสีขาวนวล ดอกเดี่ยว มีกลิ่นหอม ออกตามซอกใบที่ปลายกิ่ง และ ใกล้ ๆ ปลายกิ่ง ดอกตูมรูปทรงกระบอกหรือรูปกระสวย ปลายแหลม กว้าง 0.8 - 1.2 เซนติเมตร ยาว 3.5 - 4.5 เซนติเมตร ก้านดอกยาว 1 - 1.5 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อนห่อหุ้ม จะหลุดร่วงเมื่อดอกบาน กลีบดอกมี 12 กลีบ ซ้อนกัน 3 ชั้น ๆ ละ 4 กลีบ กลีบดอกรูปรีหรือรูปขอบขนาน ปลายเรียวแหลม กว้าง 0.6 - 0.8 เซนติเมตร ยาว 4.0 - 4.5 เซนติเมตร มีเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียจำนวนมากอยู่บนฐานเดียวกัน ดอกบานเต็มที่กว้าง 5 - 7 เซนติเมตร
ผล ผลเป็นผลกลุ่ม จำนวน 7 - 11 ผล รูปทรงกลมหรือรูปไข่ บิดเบี้ยวเล็กน้อย กว้าง 2.0 - 2.5 เซนติเมตร ยาว 2.0 - 2.8 เซนติเมตร ผลอ่อนสีเขียวอ่อน ผลแก่สีแดง มีจุดขาวประเล็กๆปะปนอยู่ทั่วไป ผลแก่เมื่อแห้ง แตกออกตามแนวยาว
เมล็ด สีดำ เปลือกแข็งเป็นมัน มีเยื่อสีแดงหุ้มอยู่ กว้าง 0.5 - 0.8 เซนติเมตร หนึ่งผลมี 1 - 4 เมล็ด
ประโยชน์ ใบต้มกับน้ำรับประทานแก้ไอและต่อมน้ำลายอักเสบ หลอดลมอักเสบ ต่อมลูกหมากอักเสบ ขับระดูขาว ดอกรักษาอาการหลังแท้งบุตร บำรุงหัวใจ บำรุงน้ำดี และบำรุงโลหิต เนื้อไม้ใช้ทำเครื่องเรือนและฟืน
รวบรวมเรียบเรียงและถ่ายภาพโดย รองศาสตราจารย์ ชนะ วันหนุน